หลักสูตรฝึกอบรม เขียนให้ได้ผลด้วยการคิดที่ชัดเจน - หลักสูตร 1 วัน
(Effective writing skill through clear thinking)

หน้าแรก / รวมหลักสูตรฝึกอบรม / หมวดทั่วไป (Other) / หลักสูตรฝึกอบรม เขียนให้ได้ผลด้วยการคิดที่ชัดเจน (Effective writing skill through clear thinking)

ติดต่อสอบถาม
  093-649-3561 / 084-164-2057 (HOTLINE)
  asst.entraining@gmail.com, cocoachentraining@gmail.com

เหตุใดหลักสูตรนี้จึงจำเป็นสำหรับธุรกิจปัจจุบัน?
 การเขียนเป็นทักษะการสื่อสารที่สำคัญมาก โดยเฉพาะในบริบทของธุรกิจที่ต้องสื่อสารด้วยการเขียนอยู่เสมอ เพราะการเขียนที่มีประสิทธิผลจะช่วยให้ผู้รับสารและผู้ส่งสารเกิดความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกัน ช่วยลดโอกาสการตีความผิดพลาดที่มักนำไปสู่ความขัดแย้งหรือความไม่พอใจระหว่างทีมงานกับผู้บังคับบัญชา และระหว่างฝ่ายต่าง ๆ ในองค์กร รวมทั้งยังช่วยให้ผู้รับสารเข้าใจเจตนา ความคิด จุดมุ่งหมายของผู้ส่งสารได้ตรงประเด็น นำไปสู่การตัดสินใจหรือการกระทำอย่างเหมาะสม รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ เอกสารที่สื่อสารออกไปจะได้ผลลัพธ์ตรงตามที่ผู้ส่งสารตั้งใจ 
แต่กลับปรากฎว่า องค์กรจำนวนมากยังประสบกับปัญหาการสื่อสารภายในองค์กรผ่านการเขียน ดังที่พบว่าเอกสารจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการส่งอีเมล์ เอกสารรายงาน สรุปการประชุม บันทึกเพื่อให้ผู้บริหารพิจารณา ฯลฯ ถูกเขียนด้วยภาษาที่กำกวม การนำเสนอเรื่องยังขาดการเรียงลำดับความคิดที่ช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจง่าย ข้อความยาวเยิ่นเย้อเกินจำเป็น เอกสารที่ต้องการให้ผู้บริหารตัดสินใจกลับขาดข้อมูลที่จำเป็นประกอบการพิจารณา เนื้อหาในเอกสารขาดน้ำหนักเพราะขาดข้อมูลประกอบเพียงพอ ทำให้เสียเวลาในการส่งเอกสารกลับไปมาระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม 
ปัญหานี้จะได้รับการแก้ไขด้วยการพัฒนาทักษะการเขียนและทักษะการคิดอย่างชัดเจน (clear thinking) ให้กับบุคลากรในองค์กร การคิดอย่างชัดเจนเป็นจุดเริ่มต้นของการเขียนที่มีประสิทธิผล เพราะการคิดที่ชัดเจนจะช่วยให้ผู้ส่งสารวิเคราะห์ ประเมิน และสังเคราะห์เชื่อมโยงวัตถุประสงค์ ผู้รับสาร บริบท และเนื้อหาสาระที่จะสื่อสารเข้ากันได้อย่างเป็นระบบ จนสามารถสื่อสารผ่านการเขียนอย่างมีเหตุผลหนักแน่น น่าเชื่อถือ ตรงประเด็น ทำให้การสื่อสารผ่านการเขียนในองค์กรมีประสิทธิภาพมากขึ้น ได้ผลลัพธ์ทางธุรกิจตามที่ต้องการ ลดความสูญเสียในกระบวนการสื่อสารลงได้อย่างชัดเจน

สิ่งที่ผู้เรียนจะได้จากหลักสูตรนี้?
 เข้าใจและประยุกต์ใช้กระบวนการคิดอย่างชัดเจน (clear thinking process) กับการเขียนได้ 
สามารถระบุจุดมุ่งหมายในการสื่ออย่างชัดเจน วิเคราะห์ผู้อ่านอย่างเป็นระบบ และประเมินบริบทการสื่อสารอย่างแม่นยำ การเขียนมีประสิทธิผลมากขึ้น 
สามารถเลือกใช้ข้อมูลประกอบการเขียนได้ตรงตามวัตถุประสงค์การสื่อสารอย่างครบถ้วน
สามารถเขียนเพื่อสื่อสาร โน้มน้าว นำเสนอข้อมูลความคิดเห็นได้อย่างกระจ่างชัด เนื้อหาสอดคล้องกัน มีน้ำหนัก มีเหตุผล น่าเชื่อถือ
หลีกเลี่ยงตรรกะที่ผิดพลาดในการสื่อสาร (faulty logic)
ประเมินหาจุดที่ต้องปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้เอกสารที่เขียนถูกสื่อสารอย่างมีประสิทธิผลมากขึ้น

หลักสูตรนี้เรียนอะไรบ้าง?
 เข้าใจองค์ประกอบทั้ง 7 ของการสื่อสารด้วยการเขียน (7 traits of writing) 
 6 ระดับของการคิดให้ชัดเจน (clear thinking)
 แนวทางกำหนดจุดหมายของการเขียนอย่างชัดเจน (defining purpose) 
 การวิเคราะห์ผู้รับสาร (analyzing readers) 
 6 คำถามเพื่อช่วยให้เข้าใจบริบทของการเขียนอย่างครบถ้วน (understanding context)
 แนวทางกำหนดประเด็นหลักสิ่งที่จะเขียน (stating your main point) 
 3 ส่วนประกอบที่ต้องมีในทุกการเขียน (three key parts of writing structure)
 เทคนิคในการจัดระบบเนื้อหา (pattern of organization) 
 เขียนอย่างไรให้ดึงดูดคนอ่าน (appealing readers) 
 เขียนอย่างไรให้มีเหตุผลหนักแน่น (logical reasoning) 
 เขียนเพื่อการโน้มน้าวใจ (persuasion) ด้วย AIDA model 
 6 แนวทางที่ช่วยให้รู้ว่าเกิดตรรกะที่ผิดพลาดในการสื่อสาร (faulty logic) 

Workshop
      อบรม สัมมนา การวิเคราะห์สถานการณ์ก่อนการเขียน 
      อบรม สัมมนา การเขียนจากกรณีศึกษา
      อบรม สัมมนา การเขียนในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น การนำเสนอผู้บริหาร (writing for your supervisor) การเขียนบันทึกเพื่อพิจารณา 
      อบรม สัมมนา การตรวจทานเอกสารงานเขียนที่ร่างโดยผู้ใต้บังคับบัญชา (reviewing others’ writing)

จุดเด่นของหลักสูตร
 ใช้รูปแบบการเรียนรู้ที่หลากหลาย ทั้งการบรรยาย workshop กรณีศึกษา การลงมือปฏิบัติจริง ฯลฯ ครอบคลุมทั้งทฤษฎีและการทางปฏิบัติที่สร้างผลลัพธ์ให้ผู้เรียนสามารถนำความรู้ไปทำงานได้จริง 
ใช้กรณีศึกษาจากปัญหาจริงที่พบบริบทการทำงานของผู้เรียน
ใช้การเรียนรู้จากสถานการณ์จริงและประสบการณ์จริงของผู้เรียน
ผู้สอนผ่านการอบรมหลักสูตรด้านการเขียนเพื่อสื่อสารในองค์กรของ Graduate School USA ซึ่งเป็นหน่วยงานที่จัดการอบรมด้านการเขียนให้กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาทั่วโลก และองค์กรข้ามชาติจำนวนมาก

หลักสูตรนี้เหมาะกับใคร?
บุคลากรทุกระดับในองค์กร


แนวทางในการดำเนินการฝึกอบรม
เป็นแนวทางผสมผสานในการอบรม (Integrated Training) โดยประกอบด้วย 
1. การเรียนรู้แบบกลุ่ม (group learning) เพื่อให้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนในกลุ่ม ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการแลกเปลี่ยนมุมมองความเห็นระหว่างกัน และช่วยฝึกการทำงานเป็นทีม การรับฟังความเห็นของเพื่อนร่วมงาน 
2. การเรียนรู้แบบผู้ใหญ่ (adult learning) จะเน้นกระบวนการให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ แสดงความคิดเห็น เพื่อให้เกิดความเข้าใจเนื้อหาอย่างแท้จริง และ สามารถนำไปใช้อย่างประสบความสำเร็จ เป็นการสื่อสาร 2 ทาง (interactive mode) ระหว่างวิทยากรกับผู้เข้ารับการอบรม 
อบรม สัมมนา
3. การเรียนรู้โดยการปฏิบัติ (action learning) เน้นการทำกิจกรรมภาคปฏิบัติและ workshop โดยมีประเด็นสำคัญที่เชื่อมโยงกับการปฏิบัติและการนำไปใช้ 
      อบรม สัมมนา กระตุ้นให้ฝึกคิดและนำเสนอ
      อบรม สัมมนา นำสิ่งที่เรียนไปทดลองใช้
      อบรม สัมมนา กรณีศึกษาและกิจกรรมกลุ่มเพื่อหา solutions
      อบรม สัมมนา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในกลุ่มระดมสมอง 
4. เน้นการกระตุ้นการคิด และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ โดยใช้การสื่อสาร 2 ทาง เพื่อนำไปสู่การกระตุ้นการคิด การประเมินตัวเองและองค์การ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกัน
      อบรม สัมมนา กิจกรรม Workshop ที่นำไปสู่การคิดเพื่อวิเคราะห์ และนำเสนอสิ่งที่ดีกว่าเพื่อการพัฒนาหน้าที่การทำงานและผลผลิตองค์การ
      อบรม สัมมนา ผสมผสานกรณีศึกษา การระดมสมองและการนำเสนอผลงาน
      อบรม สัมมนา เน้นการทำงานเป็นทีม 
5. สร้างการรับรู้ ความเข้าใจ ตระหนักถึงสิ่งที่ต้องเปลี่ยนแปลง ผ่านกระบวนการในการประเมินผลให้เข้าใจถึงความรู้ ความเข้าใจของทักษะที่มีในอดีต และสร้างความตระหนักถึงช่องว่าง (gap analysis) ที่มีจากสิ่งที่องค์การหรือผู้เข้าอบรมเป็นและสิ่งที่ควรจะเป็น เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงด้วยทักษะทางการคิดและการใช้เทคนิคต่าง ๆ อย่างเหมาะสม 
6. เป็นการอบรมที่ใช้กระบวนการอย่างเป็นขั้นตอน
      อบรม สัมมนา สำรวจความรู้ ความเข้าใจผู้เข้าอบรม 
      อบรม สัมมนา สร้างความเข้าใจในความรู้ 
      อบรม สัมมนา ฝึกปฏิบัติด้วย Workshop ที่สอดคล้องกับหน้าที่ปฏิบัติ
      อบรม สัมมนา ประเมินผลสัมฤทธิ์จากการฝึกอบรม ประกอบด้วย
            - ด้านการตอบสนองของผู้เข้าอบรม 
            - ด้านความรู้ที่ได้ 
            - ด้านพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงหลังการเรียนรู้
            - ด้านผลลัพธ์ต่อองค์การ 

ออกแบบการเรียนรู้อย่างครบวงจร (6 Step Learning Model) ได้ตามต้องการ
(Blended learning)

Step 1 : การจัดทำวิดีโอออนไลน์ Micro Learning

การเรียนรู้ VDO ด้วยระบบ Learning Management Platform (LMP)

  รับชม

Step 2 : การดำเนินการสอนด้วย Classroom / Virtual Classroom

การเรียนรู้ภายใน Classroom ด้วยบวนการ Adult learning

  รับชม

Step 3 : การให้คำปรึกษาแบบกลุ่มย่อย Group Coaching & Clinic

การให้คำปรึกษาแบบกลุ่มย่อย Group Coaching & Clinic

  รับชม

Step 4 : การพูดคุยเชิงลึกด้วย 1 on 1 Coaching & Mentor

การพูดคุยเชิงลึกด้วย 1:1 Coaching & Mentor

  รับชม

Step 5 : การนำเสนอโครงการปฏิบัติงานจริง (Project Assignment)

การนำเสนอโครงการเพื่อนำไปปฏิบัติในสถานการณ์จริง

  รับชม

Step 6 : การติดตามผลลัพธ์การเรียนรู้ (Follow Up)

การนำความรู้สู่การปฏิบัติที่ชัดเจน และการสรุปผลลัพธ์ของการฝึกอบรม

  รับชม